ช็อคโกแล็ตซีสต์: ควรผ่าตัดหรือไม่ เพื่อการมีบุตร

[นพ.ฉัตรชัย ตรีธรรมพินิจ]

คำถามแรกที่ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนคือ
อยากมีบุตรด้วยวิธีใด:
นับวันตกไข่/ฉีดเชื้อ/เด็กหลอดแก้ว

ลองมาดูกันก่อนว่า
การตั้งครรภ์ในธรรมชาติเกิดอย่างไร:

มีการตกไข่, ไข่เข้าท่อนำไข่
มีเพศสัมพันธ์จังหวะนั้น
อสุจิว่ายจากช่องคลอด
ผ่านโพรงมดลูกเข้าท่อนำไข่
จ๊ะเอ๋กับไข่...มีการปฏิสนธิ
ท่อนำไข่พัดตัวอ่อนให้เดินทางเข้าโพรงมดลูก
แล้วฝังตัว...เกิดการตั้งครรภ์

ถ้าต้องการตั้งครรภ์
ด้วยวิธี นับวันตกไข่ หรือ ฉีดเชื้อผสมเทียม
ก็ต้องคาดหวังว่าตกไข่ได้
และไข่เข้าท่อนำไข่ได้
เดินทางไปโพรงมดลูกได้
เลยคาดการณ์ได้ว่า
ขนาดซีสต์ยิ่งโต
ก็ควรผ่าตัดเลาะซีสต์ออกก่อน

ขนาดซีสต์เล็กๆ เช่น เล็กกว่า 2-4 ซม.
ให้ลองนับวันตกไข่ หรือ ฉีดเชื้อผสมเทียมก่อน
ซัก 3-4 รอบ
ถ้าไม่ตั้งครรภ์
ค่อยไปผ่าตัดเลาะซีสต์

[นพ.ฉัตรชัย ตรีธรรมพินิจ]

ในกรณีที่จะทำ "เด็กหลอดแก้ว"
เราอยากได้ จำนวนไข่หลายใบ
เพื่อมาปฏิสนธิกับอสุจิ

"ขนาดซีสต์ยิ่งโต
จำนวนไข่ยิ่งน้อย"
อธิบายได้จาก
1. เบียดเส้นเลือดที่เลี้ยงไปที่รังไข่
    เส้นเลือดไปเลี้ยงรังไข่น้อยลง
2. การอักเสบแล้วมีการหาย
    แบบแผลเป็น (fibrosis/scar)

รายใดก็ตามที่ผ่าตัดเลาะซีสต์
จะต้องโดนเนื้อดีของรังไข่ด้วย
ดังนั้นจำนวนไข่สะสมก็ลดน้อยลง
จากรายงานวิจัยก็เป็นเช่นนั้นจริง
ยิ่งผ่าตัดบ่อย...ไข่สำรองก็ยิ่งลดลง

ในทางปฏิบัติจริง เอายังไงดี:
ถ้าต้องการทำเด็กหลอดแก้ว
1. เป็นวิธีการที่ไม่ต้องอาศัยการเดินทางของอสุจิและไข่
    การผ่าตัดเพื่อการเดินทางเลยไม่ใช่ทางเลือกแรก
2. ขนาดซีสต์เล็ก (น้อยกว่า 2-4 ซม.)
    ให้กระตุ้นเก็บไข่ ทำเด็กหลอดแก้วได้เลย
    ตามรายงานวิจัยพบว่า
    อัตราตั้งครรภ์และคลอดบุตร
    ไม่ต่างกัน
    ระหว่างการผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัด
3. ซีสต์ที่ขนาดใหญ่
    มีหลากหลายความเห็นมาก
    ทั้งผ่าตัดและไม่ผ่าตัด
    มีข้อดีข้อเสียแล้วแต่มุมมอง
    ขออนุญาตไม่สรุปในที่นี้

[Tannehilvill]

เป็นความรู้ที่ดีเลยค่ะ เราชอบเข้ามาหาอ่านบ่อยๆ